รายการที่นำมาใช้สิทธิ์หักลดหย่อนภาษี | เงื่อนไขในการนำมาลดหย่อนภาษี | ||||||||
ค่าลดหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ | 30,000 บาท | ||||||||
ค่าลดหย่อนสำหรับคู่สมรส | 30,000 บาท | ||||||||
ค่าเบี้ยประกันชีวิต | ไม่เกิน 100,000 บาท **ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่กรมธรรม์ประกันชีวิตมีกำหนดเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป |
||||||||
ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ | ไม่เกิน 200,000 บาท | ||||||||
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา | รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท **ซึ่งบิดา-มารดาต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี และไม่กำหนดอายุขั้นต่ำ |
||||||||
ค่าลดหย่อนสำหรับบุตร |
บุตรที่ไม่ศึกษา/และศึกษาต่างประเทศ คนละ 15,000 บาท
และ บุตรที่ศึกษาในประเทศ คนละ 17,000 บาท
**รวมกันต้องไม่เกิน 3 คน และบุตรต้องอายุไม่เกิน 25 ปี
|
||||||||
ค่าลดหย่อนอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา | คนละ 30,000 บาท
**ซึ่งบิดา-มารดา ต้องมีอายุ 60 ปี ต้องมีรายได้ในปีขอลดหย่อนไม่เกิน 30,000 บาท
|
||||||||
ค่าลดหย่อนอุปการะเลี้ยงดูคนพิการ หรือ คนทุพพลภาพ |
คนละ 60,000 บาท
**ซึ่งผู้มีเงินได้จะต้องเป็นผู้ดูแลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และบุคคลดังกล่าวต้องเป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือเป็นคนทุพพลภาพ มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ
|
||||||||
เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ | ไม่เกิน 500,000 บาท **หักลดหย่อนได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ |
||||||||
ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ | ไม่เกิน 500,000 บาท **หักลดหย่อนได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ |
||||||||
ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว | ไม่เกิน 500,000 บาท **หักลดหย่อนได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ |
||||||||
ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม เพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย | ไม่เกิน 100,000 บาท | ||||||||
เงินสมทบกองทุนประกันสังคม | หักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง | ||||||||
ซื้อสินค้า หรือใช้บริการภายในประเทศ | ไม่เกิน 15,000 บาท
**ต้องเป็นเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้า ชำระค่าบริการ จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในระหว่างวันที่ 25-31 ธันวาคม 2558 เท่านั้น
|
||||||||
ค่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ | ไม่เกิน 15,000 บาท | ||||||||
เงินบริจาค | หักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้ |
การนำเบี้ยประกันภัยหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
" สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพของ คุณพ่อ และคุณแม่ มาลดหย่อนภาษี และได้ความคุ้มครองด้วยนะครับ "
คุณรู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันค่าเบี้ยประกันภัยที่กรมสรรพากรยินยอมให้ผู้มีเงินได้นำมาหักลด หย่อนภาษีเงินได้บุคคล
ธรรมดา มี 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่
1.ค่าเบี้ยประกันชีวิตของตัวผู้มีเงินได้เอง โดยนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท มีเงื่อนไขดังนี้
- ค่าเบี้ยประกันชีวิต ไม่รวมค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ
- เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- กรณีเป็นกรมธรรม์ประกันชิวิตที่มีผลประโยชน์ตอบแทนคืน ผลประโยชน์ตอบแทนคืนนั้นจะต้องไม่เกินร้อย
ละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตรายปีหรือเบี้ยประกันชีวิตสะสม
- บริษัทประกันชีวิตที่ออกกรมธรรม์ต้องเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการในประเทศไทย
2. ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา โดยนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท มีเงื่อนไขดังนี้
- ผู้มีเงินได้ต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา มารดา
- บิดา มารดา มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท
- ถ้าผู้มีเงินได้ มิได้อยู่ในประเทศไทย บิดา มารดาต้องอยู่ในประเทศไทย
- กรณีผู้มีเงินได้หลายคนร่วมชำระเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา ให้เฉลี่ยหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกัน
สุขภาพของบิดา มารดาตามจำนวนผู้มีเงินได้ แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท
3. ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญของตัวผู้มีเงินได้เอง โดยนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15ของเงินได้ และต้องไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน หรือค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท มีเงื่อนไขดังนี้
- เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- ผู้มีเงินได้ต้องได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น
ทั้งนี้ ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยครบถ้วยแล้วก่อนได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญ
- ผู้มีเงินได้ได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญเป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอขณะมีชีวิตอยู่
- บริษัทประกันชีวิตที่ออกกรมธรรม์ต้องเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการในประเทศไทย
ที่มา : ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 162 , 172 และ 194
3) ผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 5 แสนบาทแต่ไม่เกิน 7.5 แสนบาท เสียภาษีร้อยละ 15
4) ผู้ที่มีรายได้ 7.5 แสนบาทแต่ไม่เกิน 1ล้านบาท เสียภาษีร้อยละ 20
5) ผู้ที่มีรายได้ 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท เสียภาษีร้อยละ 25
6) ผู้ที่มีรายได้ 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท เสียภาษีร้อยละ 30
7) ผู้ที่มีรายได้ 5 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีร้อยละ 35